6 เทคนิคดีๆ ในการเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์แต่งบ้านที่ไม่ควรพลาด
ท่านใดที่อยากแต่งบ้านและกำลังหาไอเดียแต่งบ้านอยู่นั้น
ต้องมีการวางแผนก่อนว่าจะแต่งบ้านให้ออกมาเป็นแบบไหน แต่งบ้านใหม่ทั้งบ้านหรือแค่บางส่วน
เพราะเมื่อเราวางแผนได้แล้วขั้นตอนต่อไปคือการเลือกซื้อของมาแต่งบ้าน
หากคุณไม่มีการวางแผนไว้ก่อนสิ่งที่จะตามมาอย่างเลี่ยงไม่ได้เลยคือ “ความผิดพลาด”
เราจึงมี 6 เทคนิคดีๆ ในการเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์แต่งบ้านที่ไม่ควรพลาดมาบอกต่อกันค่ะ
1. หาสไตล์การตกแต่งที่ต้องการ
แน่นอนว่าการเลือก
อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน ของแต่ละคนจะแตกต่างกันแน่นอน
บางครั้งก็ให้ความสำคัญกับแฟชันมากไปจนลืมเรื่องของความสะดวกสบาย เช่น
การเลือกเฟอร์นิเจอร์ เก้าอี้ โต๊ะทานอาหาร โซฟา ปัจจุบันก็มีดีไซต์และลูกเล่นให้คุณได้เลือกมากมาย
ควรคำนึงถึงประโยชน์การใช้งานและความคงทนแข็งแรงด้วยเสมอก่อนจะซื้อ
ดังนั้นในการเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์เข้าบ้าน
คุณจะต้องคิดก่อนเลยว่าจะตกแต่งในลักษณะไหน ทรงโมเดิ้ล คลาสสิค หรือแบบหรูหรา
และคิดถึงประโยชน์การใช้งานสูงสุดด้วย อย่ามองแค่ว่าเฟอร์นิเจอร์ชิ้นนี้สวยเพียงอย่างเดียว
2. การวัดขนาดพื้นที่ที่ต้องการตกแต่ง
เรื่องของขนาดพื้นที่ในบ้านก็สำคัญเป็นอันดับต้นๆ
ของการเลือกซื้อฟอร์นิเจอร์ เพราะบ้านแต่ละหลังมีพื้นที่ไม่เท่ากัน
เพราะฉะนั้นสิ่งที่คุณต้องคำนึงถึงก่อนจะซื้อเฟอร์นิเจอร์เข้ามาแต่งบ้านคือ
พื้นที่ในบ้านของคุณมีขนาดเท่าไหร่ เมื่อรู้ขนาดพื้นที่ที่ต้องการจะตกแต่ง
คุณจะรู้ว่าสามารถเลือกเฟอร์นิเจอร์แบบไหนมาวางให้เข้ากับพื้นที่ตรงส่วนนั้นได้บ้าง
หากคุณไม่ทำการวัดขนาดพื้นที่ที่ต้องการตกแต่งก่อน
อาจเกิดข้อผิดพลาดในการซื้อเฟอร์นิเจอร์ขึ้นได้ เพราะ มันอาจทำให้คุณเสียเวลาต้องกลับมาวัดขนาดพื้นที่ตรงนั้นและซื้อเฟอร์นิใหม่นั่นเอง
3.
การเลือกวัสดุเฟอร์นิเจอร์
เมื่อคุณจะซื้อเฟอร์นิเจอร์
คุณต้องรู้ว่าวัสดุของเฟอร์นิเจอร์ชิ้นนั้นทำจากอะไร ยกตัวอย่างเช่น เก้าอี้
แม้ว่ารูปแบบเก้าอี้จะมีลักษณะที่เหมือนกัน แต่อาจทำมาจากวัสดุคนละประเภทดังนั้นก่อนจะซื้อควรตรวจสอบให้ดีก่อน
คุณอาจเกิดข้อสงสัยว่าทำไมต้องให้ความสำคัญกับการเลือกประเภทวัสดุทั้งๆ
ที่ก็คือเก้าอี้เหมือนกัน เพราะ เฟอร์นิเจอร์แต่ละประเภท มีข้อจำกัด อายุการใช้งานและคุณสมบัติที่ต่างกัน
เช่น เฟอร์นิเจอร์ไม้ควรซื้อมาตกแต่งในที่ร่ม พื้นที่กลางแจ้งก็ควรเลือกใช้เป็น
เฟอร์นิเจอร์อลูมิเนียม สแตนเลส หรือไฟเบอร์ เป็นต้นเพราะจะทำให้เกิดความเสียหายกับเฟอร์เจอร์ได้ยากกว่านั่นเอง
4.
การเลือกสีสัน ความสวยงาม
ก่อนที่คุณจะตัดสินใจซื้อเฟอร์นิเจอร์สักชิ้นเข้าบ้าน
คุณควรเลือกสีให้เหมาะกับสไตล์การแต่งบ้านโดยตัดสินใจจากความชอบส่วนตัวตามความเหมาะสม
จากนั้นความสวยก็จะตามมาเอง
การเลือกสีมีข้อระวังหนึ่งอย่างคือ
หากคุณต้องการสั่งซื้อผ่านอินเทอร์เน็ตควรดูรีวิวเพื่อตรวจสอบให้ดีก่อนบางครั้งสีที่อยู่ในรูปกับความเป็นจริงนั้นต่างกัน
ดังนั้นเรื่องการเลือกสีก็สำคัญมากเช่นกัน เพราะหากคุณสั่งซื้อแล้วคุณอาจได้สีที่ไม่ตรงกับความต้องการมาแทนค่ะ
5.
การใช้งาน
การเลือกเฟอร์นิเจอร์แต่ล่ะชิ้นบางครั้งต้องคำนึงถึงส่วนรวมด้วย
เช่น โต๊ะทานอาหาร เก้าอี้ โซฟา เฟอร์นิเจอร์ครัวต่างๆ ซึ่งแน่นอนว่าเราไม่ได้ใช้คนเดียว
ควรดูว่ามีประโยชน์ต่อการใช้งานหรือไม่
และเหมาะกับการใช้งานแบบส่วนรวมมากน้อยแค่ไหน
ดังนั้นหากคุณเป็นคนเลือกเฟอร์นิเจอร์ควรคิดเผื่อคนในบ้านด้วยว่าใช้ได้ไหม
ใช้ถนัดหรือไม่ แต่ถ้าเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่เราใช้คนเดียวเช่น เตียง ตู้ หรือชุดตกแต่งห้องนอนนั้น
สามารถยึดตนเองเป็นหลักได้เต็มที่ค่ะ
6.
ไม่ควรซื้อตามอารมณ์
เพราะบางคนซื้อเฟอร์นิเจอร์มักจะไม่คิดอะไรเลย
ซื้อเพราะว่าสวยเพียงอย่างเดียว หรือซื้อเพราะความชอบส่วนตัว ไม่คำนึงถึงการใช้งาน
จนทำให้คุณอาจจะเสียใจภายหลังได้ เพราะเฟอร์นิเจอร์ที่ซื้อมาอาจไม่พอดีกับพื้นที่
จึงไม่เหมาะกับการใช้งานตรงพื้นที่ที่ต้องการตกแต่ง
การซื้อเฟอร์นิเจอร์แต่ล่ะครั้งไม่ควรซื้อตามอารมณ์ ควรให้ความสำคัญกับการใช้ประโยชน์สูงสุด
และไม่ควรซื้อมาเก็บไว้เพราะสินค้าลดราคา เพราะเมื่อเวลาผ่านไปเฟอร์นิเจอร์ที่คุณซื้อมาแล้วไม่ได้ใช้งานอาจเสื่อมสภาพลงได้
จนทำให้คุณเสียเงินโดยเปล่าประโยนช์นั่นเองค่ะ
ข้อแนะนำเพิ่มเติมในการเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์แต่งบ้าน
1.
ควรเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์จากร้านค้าที่มีความน่าเชื่อถือ
2.
เลือกร้านที่มีบริการหลากหลาย เช่น มีทั้งเฟอร์นิเจอร์ลอยตัว และ รับติดตั้งบิ้วอินเพิ่มเติมได้
3. เลือกร้านที่สามารถประเมินราคาได้ รู้ราคาเบื้องต้น เพราะท่านจะรู้ว่าต้องใช้งบประมาณทั้งหมดเท่าไหร่
4.
ควรคุยรายละเอียดการติดตั้งให้ดี เพราะ บ้างร้านติดตั้งฟรี บ้างร้านจะต้องเสียค่าติดตั้งเพิ่มอีก
5. ควรซื้อสินค้าจากร้านเดียวกันให้มากที่สุด
เพราะจะลดต้นทุนได้มากกว่าการซื้อจากคนละที่มารวมกัน เช่น ได้ส่วนลดจากการซื้อสินค้าหลายชิ้น
และไม่ต้องเสียค่าขนส่งหลายรอบ เป็นต้น
6. ควรเลือกเลือกร้านที่มีการรับประกันสินค้า หากสินค้ามีปัญหาสามารถแคลมได้ทันที
เรียบเรียงโดย Lfurn